|
วันแรก
ท่าอากาศสุวรรณภูมิ
(วันนัดหมายเช็คอินที่สนามบิน)
|
22.00 น.
|
คณะพร้อมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
เคาน์เตอร์....สายการบินไชน่า
เซาท์เทิร์น แอร์ไลน์
(CZ)
มีเจ้าหน้าที่จากทางบริษัทฯ
คอยอำนวยความสะดวกแก่ท่าน
|
|
วันที่สอง
กรุงเทพฯ-เสิ่นหยาง-ช้อปปิ้งมอลล์-จัตุรัสไท่หยางเนี่ยว-ฉางชุน
|
00.30 น.
07.30 น.
เที่ยง
ค่ำ
|
เวลาโดยประมาณ ออกเดินทางสู่เสิ่นหยาง
โดยสายการบิน
China Southern Airlines
เวลาโดยประมาณถึงท่าอากาศยานเถาเซียน
อินเตอร์เนชั่นแนล เมืองเสิ่นหยาง
(เวลาท้องถิ่นเร็วกว่า
เมืองไทย
1
ชั่วโมง)
มีชื่อเดิมเป็นภาษาแมนจูว่า มุคเดน
ที่นี่ในอดีตเป็นศูนย์กลางของชนเผ่าเร่ร่อนใน
ศตวรรษที่
11
จนถึงศตวรรษที่
17
จึงถูกสถาปนาเป็นเมืองหลวงของแมนจู เมื่อหลายสิบปีก่อน
อยู่ใต้การ
ปกครองของรัสเซียจนถึงปี ค.ศ.1931
จึงตกเป็นของญี่ปุ่นและกลับมาอยู่ภายใต้การดูแลของรัสเซียอีก
ครั้งในปี ค.ศ.1945
หลังญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่
2
ในที่สุดเมื่อถึงปี ค.ศ.1948
พรรคคอมมิวนิสต์จีน
สามารถยึดพื้นที่คืนได้ในที่สุด
ปัจจุบันเป็นหนึ่งในเมืองอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุด
นอกจากนั้นยังเป็นเมือง
หลวงของมณฑลเหลียวหนิง
หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว
นำทุกท่านเดินทางสู่ตัวเมืองเสิ่นหยาง
สู่ช้อปปิ้งมอลล์เพื่อเลือกซื้อหาอุปกรณ์กันหนาวเพิ่มเติม
จากนั้นนำท่านสู่จัตุรัสไท่หยางเนี่ยว
เป็นจัตุรัส
ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองเสิ่นหยาง
มีจุดเด่นคือ นกพระอาทิตย์อยู่ที่ด้านบน
เป็นเสมือนตัวแทนของวัฒนธรรม
เมือง และความภาคภูมิใจชาวเมืองเสิ่นหยาง
ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองเสิ่นหยาง
บริการอาหาร ณ
ภัตตาคาร
จากนั้นเดินทางไปที่เมืองฉางชุน
เดิมเป็นศูนย์กลางอำนาจของเผ่าแมนจู
เมื่อครั้งที่ญี่ปุ่นเข้ายึดครองเขตแมนจูเลีย (ค.ศ.1933-1945)
แล้วสถาปนาเป็นรัฐแมนจูกัว
และได้ประกาศตั้งฉางชุนเป็นเมืองหลวง
หลังญี่ปุ่นแพ้สงครามสิ้นอำนาจลง
เมืองฉางชุนยังคงเป็นเมืองหลวงของมณฑลจี๋หลิน ต่อมาค.ศ.1950จีนได้รับความช่วยเหลือจากรัสเซีย
ตั้งโรงงานผลิตรถยนต์แห่งแรกขึ้นที่นี่
รถรุ่นแรกที่ผลิตได้ชื่อเจียฟางขนาด
95
แรงม้า
จากนั้นก็พัฒนาผลิตรถลีมูซีนธงแดงและรถยนต์อื่นๆ
ปัจจุบันฉางชุนกลายเป็นแหล่งอุตสาหกรรมรถยนต์
มีโรงงานผลิตรถที่มีชื่อเสียง เช่น โฟล์คสวาเกน เซี่ยงไฮ้-GM
บริการอาหาร ณ
ภัตตาคาร
พักที่ฉางชุน
Max Court Hotel
หรือเทียบเท่า
|
|
วันที่สาม
ฉางชุน-ฮาร์บิ้นโบสถ์เซนต์โซเฟีย-ถนนกั่วเกอหลี-จัตุรัสอาราเยส์เจฟู-ถนนจงยาง
|
เช้า
เที่ยง
ค่ำ
|
บริการอาหาร ณ
ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางไปยังเมืองฮาร์บิ้น
(นั่งรถประมาณ
4
ชั่วโมง) เมืองหลวงของมณฑลเฮยหลงเจียง
ตั้งอยู่ทางทิศเหนือสุดของประเทศจีน
มีพรมแดนตั้งแต่ทิศเหนือไล่ลงมาถึงทิศตะวันออกติดชายแดนรัสเซีย
ส่วนทิศตะวันตกจรดมองโกเลียใน
มีช่วงฤดูหนาวที่มากกว่าฤดูร้อน
และมีชื่อเสียงในฐานะเป็นเมืองน้ำแข็งของประเทศ
ซึ่งมีการจัดเทศกาลฤดูหนาว การแข่งขันแกะสลักน้ำแข็ง
และยังเป็นเขตเศรษฐกิจพัฒนาเทคโนโลยีชั้นสูงของประเทศเมื่อปี
ค.ศ.1993
และเปิดให้นักลงทุนจากต่างชาติเข้าไปลงทุนตั้งแต่ ค.ศ.1994
หากดูจากแผนที่ของประเทศจีนแม่น้ำเฮยหลงเจียง
ที่ตั้งอยู่เขตชายแดนฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ
มีลักษณะคล้ายกับหงส์ที่กางปีก
ส่วนเมืองฮาร์บิ้นเปรียบเสมือนไข่มุกสวยสะดุดตาที่คล้องไว้ตรงคอหงส์
มีแม่น้ำซงฮัวเจียงที่คดเคี้ยวไหลผ่านเพิ่มมนต์เสน่ห์ให้แก่เมืองเก่าแห่งนี้อย่างไม่มีสิ้นสุด
บริการอาหาร ณ
ภัตตาคาร
นำท่านชม
โบสถ์เซนต์โซเฟีย
(ไม่รวมค่าเข้าชมภายในโบสถ์)
สถาปัตยกรรมหรูหราอลังการจาก
นิกายออร์โธดอกซ์ตะวันออกของเอเชีย
และเป็นโบสถ์ของทหารราบที่สี่ของไซบีเรียประเทศรัสเซีย
เมืองฮาร์บิ้นเคยมีโบสถ์นิกายออร์โธดอกซ์อยู่หลายแห่ง
ส่วนใหญ่ถูกทำลายตอนปฏิวัติวัฒนธรรม
โบสถ์เซนต์โซเฟียก็เช่นกัน กระทั่ง ค.ศ.1970
ชาวรัสเซียได้ร่วมกันปฏิสังขรณ์โดยพยายามรักษารูปแบบเดิมไว้ให้ได้มากที่สุด
ปัจจุบันเป็นศูนย์ศิลป์และสถาปัตยกรรม
แสดงภาพถ่ายขาวดำเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เมืองฮาร์บิ้น
จากนั้นผ่านชมหัวรถจักรไอน้ำ
อายุกว่าร้อยปีที่ยังคงเหลือร่องรอยแห่งอดีตไว้ให้รำลึกถึง
นำท่านผ่านชมถนนกั่วเกอหลี,จัตุรัสอาราเยส์เจฟู
เพื่อชมบรรยากาศแบบรัสเซีย
แล้วนำท่านไปช้อปปิ้งที่ย่าน
จงยางปู้สิงเจี้ย
หรือ ถนนจงยาง
เชิญท่านอิสระช้อปปิ้งสินค้าของฝากและของที่ระลึก ณ
ย่านการค้าของฮาร์บิ้น
บริการอาหาร ณ
ภัตตาคาร
พักที่ ฮาร์บิ้น
Kunlun Hotel
หรือเทียบเท่า
|
|
วันที่สี่
สวนสตาลีน-อนุสาวรีย์ฝั่งหง-ร้านรัสเซีย-โคมไฟน้ำแข็ง
2010
|
เช้า
เที่ยง
ค่ำ
|
บริการอาหาร ณ
ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านชมกิจกรรมการเล่นสกีบน
แม่น้ำซงฮวา
ที่กลายเป็นน้ำแข็ง ชมการว่ายน้ำในฤดูหนาว
พร้อมกิจกรรมบนน้ำแข็งที่แสนสนุก เช่น บันไดน้ำแข็ง
แคร่เลื่อนหิมะ สโนว์โมบิล เป็นต้น จากนั้นนำท่านชม
สวนสตาลีน หรือ
ซื่อต้าหลินกงหยวน
ที่สร้างขึ้นใน ค.ศ.1953
เพื่อเป็นหลักฐานถึงสัมพันธภาพอันดี
ต่อกันในขณะนั้น ระหว่างสองชาติมหาอำนาจ
แห่งโลกคอมมิวนิสต์ ซึ่งสวนนี้เป็นสวนพฤกษชาติในแบบรัสเซีย
บริการอาหาร ณ
ภัตตาคาร
นำท่านเที่ยวชม
อนุสาวรีย์ป้องกันน้ำท่วมฝั่งหง
ซึ่งตั้งอยู่ ณ บริเวณชายฝั่งแม่น้ำซงฮัว เป็นอนุสรณ์
ระลึกถึงความพยายามของชาวเมืองฮาร์บิ้นที่ป้องกันอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปีค.ศ.1957
ซึ่งน้ำในแม่น้ำซง
ฮัวเจียง สูงกว่าตัวเมืองฮาร์บิ้น
7
เมตร และเหลือเพียง
20
เซนติเมตร น้ำก็จะทะลักเข้ามาในตัวเมือง
จึงได้มีการสร้างเขื่อนให้สูงขึ้นอีก
30
เซนติเมตร ตลอดเขื่อนกว่า
140
กิโลเมตร เป็นเวลา
28
วัน
จนในที่สุดน้ำก็ไม่ไหลเข้ามาท่วมเมืองฮาร์บิ้น
แม้ว่าน้ำในปี ค.ศ.1998
จะขึ้นสูงที่สุดในรอบ
52
ปี อนุสาวรีย์เป็นเสาทรงกลมแบบโรมัน สูง
13
เมตร ยอดเสาเป็นรูปปั้นกลุ่ม กรรมกร ชาวนา
ทหาร ข้าราชการ พลเรือนและนักศึกษา ที่สามัคคีร่วมแรงใจ
กาย แสดงถึงสถาการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้น
ฐานของอนุสาวรีย์สร้างเป็นสระรูปพระจันทร์เสี้ยว
3
ชั้น ชั้นล่างเป็นระดับน้ำในปี ค.ศ.1932
ที่เคยสร้างความเสียหายให้กับเมืองฮาร์บิ้นเป็นอย่างมาก
สระชั้นที่
2
เป็นระดับน้ำในปี ค.ศ.1957
เท่ากับระดับน้ำเมื่อ
52
ปีก่อน ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำปี ค.ศ.1932
ถึง
0.58
เซนติเมตร ปี ค.ศ.2001
สร้างสระขึ้นเป็นชั้นที่
3
เพื่อบันทึกระดับน้ำ ซึ่งสูงขึ้นอีก
0.75
เซนติเมตร
ด้านหลังประกอบด้วยเสาและระเบียงโค้งแบบโรมัน
ซึ่งแสดงถึงความสามัคคีของชาวเมืองฮาร์บิ้น
จากนั้นนำท่านชม
ร้านรัสเซีย
อิสระช้อปปิ้งสินค้าของฝากและของที่ระลึกของเมืองฮาร์บิ้นชมสินค้าราคาถูกที่ผลิตจากประเทศรัสเซีย
สไตล์รัสเซีย สีสันสวยงาม
ให้ท่านได้จับจ่ายสินค้าฝากญาติมิตร
บริการอาหาร ณ
ภัตตาคาร
หลังอาหารนำท่านชมโคมไฟน้ำแข็ง
Harbin Ice and Snow Festival 2010
ซึ่งตั้งขนานไปกับแม่น้ำซงฮวาเจียง
ทุกปีเป็นสถานที่จัดงานยิ่งใหญ่ของเมืองคือ
เทศกาลโคมไฟน้ำแข็ง
โดยใช้นำแข็งที่คัดเลือกมาจากแม่น้ำซงฮัว มาแกะสลักเป็นรูป
บุคคล สถานที่ เรื่องราวในวรรณคดี เทพนิยายและสัตว์ต่างๆ
ตามจินตนาการของผู้แกะ ภายในยังประดับหลอดไฟไว้หลากหลายสี
ในยามค่ำคืนแสงไฟสะท้อนเงาน้ำแข็งส่องแสงระยิบระยับไปทั่วบริเวณราวกับเมืองในสายรุ้ง
ภายในงานจะมีการเเข่งขันการแกะน้ำแข็งนานาชาติ การละเล่น
และเวทีการแสดงที่สร้างด้วยน้ำแข็งอีกเช่นกัน
พักที่ฮาร์บิ้น
Kunlun Hotel
หรือเทียบเท่า
|
|
วันที่ห้า
ฮาร์บิ้น-จี๋หลิน-สวนเป่ยซาน-จัตุรัสซื่อจี้-หลงถันซาน-ฉางชุน-วังผู่ยี๋-จัตุรัสเหวินฮั่ว-กระทรวงแมนจู
|
เช้า
เที่ยง
ค่ำ
|
บริการอาหาร ณ
ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางออกจากเมืองฮาร์บิ้น
เพื่อไปยังเมืองจี๋หลิน (นั่งรถประมาณ 4 ชั่วโมง)
เป็นเมืองที่มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิง
เดิมคือป้อมปราการเรียกว่า ฉวงฉ่าง
เมืองนี้มีความอุดมสมบูรณ์เป็นอันดับ 1 ใน 6 ของเมืองจีน
ที่ซึ่งไม่เคยขาดน้ำเลย
มีแม่น้ำซงฮัวเจียงไหลผ่านกลางเมืองซึ่งอยู่ในวงล้อมของขุนเขา
และมี 1 ใน 4 สิ่งมหัศจรรย์ของจีน ก็คือ อู้ซง
เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นประมาณปีละ 30 หน
ระหว่างเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์
ทุกท่านอาจจะได้เห็นปรากฏการณ์นี้หรือไม่ได้เห็น
เพราะว่าอู้ซงหรือก็คือ แม่คนิ้ง ในภาษาไทย
เป็นหมอกควันที่กระทบอากาศเย็นจัดจนจับตัวเป็นผลึกตามกิ่งก้านต้นไม้
มีสีเงินระยิบระยับแต่เปราะบาง
เมื่อลมพัดก็จะร่วงหล่นจนหมด
เมืองนี้ยังเป็นแหล่งกำเนิดของชาวแมนจูอีกด้วย
บริการอาหาร ณ
ภัตตาคาร
นำท่านชม
สวนเป่ยซาน ซึ่งเป็นสวนที่มีทิวทัศน์ที่สวยงาม
มีเขาสูงสามารถขึ้นไปชมวิวในมุมสูงได้ดังนั้นสวนนี้จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การพักผ่อนอย่างแท้จริง
นำท่านชม จัตุรัสซื่อจี้
ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองจี๋หลิน
ชมทิวทัศน์ทั้งสองฝั่งแม่น้ำซงฮวาเจียง
ในช่วงฤดูหนาวแม่น้ำส่วนใหญ่ที่จี๋หลิงจะกลายเป็น
น้ำแข็ง
นำท่านเลือกชมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มีคุณภาพ ณ
หลงถันซาน
เป็นศูนย์วิจัยสมุนไพรที่ใหญ่แห่งหนึ่งของจีนซึ่งมีสรรพคุณช่วยบำรุงและรักษาร่างกาย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองฉางชุน นำท่านชม
วังผู่ยี๋
หรือ
พระราชวังเว่ยหวังกง
ที่ประทับของจักรพรรดิ์ผู่ยี๋
จักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ชิง
หรือกษัตริย์องค์สุดท้ายของแผ่นดินจีน อาศัยอยู่ในช่วงปี
ค.ศ.1935-1949
ซึ่งญี่ปุ่นยึดครองแผ่นดินจีน
และเพื่อลดแรงเสียดทานจากประชาชนของจีน
จึงก่อตั้งแมนจูกัวและยกฐานะให้ผู่ยี๋ขึ้นมาเป็นจักรพรรดิกังซี
แห่งแมนจูกัว ปกครองที่เว่ยหวังกง
นอกจากห้องต่างๆที่เคยใช้นอน นั่ง สูบยา อ่านหนังสือ
คุยการงาน และปลีกวิเวกอยู่คนเดียว นำท่านชมรูปภาพ
จดหมายและสภาพบรรยากาศที่แสดงให้เห็นในช่วงเวลานั้น
ปัจจุบันจัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงชีวิตความเป็นอยู่ภายในวังจอมปลอมแห่งนี้
และเมื่อปลายทศวรรษที่
50
ผู่ยี๋ได้รับอนุญาตให้ทำงานเป็นคนสวนที่มหาวิทยาลัยในปักกิ่ง
ก่อนจบชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งในปี ค.ศ.1967
เป็นอันปิดฉากราชวงศ์ที่สืบทอดกันมายาวนานกว่า
2,000
ปี นำท่านชม
จัตุรัส
เหวินฮั่ว
เป็นลานวัฒนธรรมซึ่งเป็นลานกว้าง ขนาดใหญ่ของเมืองฉางชุน
นับเป็นสัญลักษณ์สิ่งก่อสร้างของเมือง ผ่านชมกระทรวงทั้งแปดของแมนจู
ในรัฐแมนจูกั๋ว บนถนนซินหมินต้าเจ
ตั้งอยู่ใจกลางเมืองฉางชุนประกอบด้วย 1.กระทรวงมหาดไทย
2.กระทรวงยุติธรรม 3.กระทรวงพาณิชย์
4.กระทรวงคมนาคม 5.กระทรวงเกษตร 6. กระทรวงศึกษาธิการ
7.กระทรวงการต่างประเทศ และ 8.กระทรวงสาธารณสุข
ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี ค.ศ.1936
แล้วนำท่านไปช้อปปิ้งเลือกซื้อของดีของที่ระลึกของท้องถิ่นภาคอีสานของจีน
เช่น โสมแดง เขากวางอ่อน ดีหมี
และสมุนไพรจีนที่มีชื่อเสียง
ซึ่งมีสรรพคุณช่วยบำรุงและรักษาร่างกาย
บริการอาหาร ณ ภัตตาคาร
พักที่ฉางชุน
Max Court Hotel
หรือเทียบเท่า
|
|
วันที่หก
ฉางชุน-เสิ่นหยาง-พระราชวังเสิ่นหยางกู้กง-ถนนย้อนยุคราชวงศ์ชิง-ร้านขนนก
|
เช้า
เที่ยง
ค่ำ
|
บริการอาหาร ณ
ห้องอาหารโรงแรม
ออกเดินทางสู่เมืองเสิ่นหยาง
ให้ท่านได้พักผ่อนบนรถระหว่างเดินทาง
ภายหลังจากที่ราชวงศ์หมิงถูกโค่นล้มลง
(ค.ศ.1368-1644)
ชาวแมนจูก็ได้สถาปนาราชวงศ์ชิงขึ้น
และได้ย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่กรุงปักกิ่ง
และใช้เสิ่นหยางเป็นเมืองหลวงแห่งที่สอง
รวมทั้งใช้พระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับขององค์จักรพรรดิหลายองค์เช่น
คังซี เฉียนหลง เจียชิ่งฯลฯ
เมื่อครั้งเสด็จเยือนทางเหนือ
บริการอาหาร ณ
ภัตตาคาร
นำท่านเที่ยวชม
พระราชวังโบราณเสิ่นหยางกู้กง
โบราณสถานจากสมัยต้นราชวงศ์ชิง
ที่ได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี และมีลักษณะคล้ายกันมาก
กับพระราชวังหลวงที่กรุงปักกิ่ง สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1625ภายหลังจากที่ราชวงศ์แมนจูได้สถาปนาให้เสิ่นหยางเป็นราชธานีประกอบด้วยตำหนักใหญ่น้อยกว่า
300
ห้อง บนพื้นที่กว่า
60,000
ตารางเมตร หลังจากที่ราชวงศ์หมิงถูกโค่นล้มลง (ค.ศ.1368-1644)
ชาวแมนจู
ก็ได้สถาปนาราชวงศ์ชิงขึ้นแล้วย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่กรุงปักกิ่ง
และใช้เสิ่นหยางเป็นเมืองหลวงแห่งที่สอง
รวมทั้งใช้พระราชวังแห่งนี้
เป็นที่ประทับขององค์จักรพรรดิเมื่อครั้งเสด็จเยือนทางเหนือ
จากนั้นนำท่านชม
ถนนย้อนยุคราชวงศ์ชิง
มีทั้งขายขนมพื้นเมือง ร้านค้าของที่ระลึก
ร้านอาหาร ร้านเหล้า
ไว้ให้นักท่องเที่ยวพบกับบรรยากาศแบบโบราณ
เหมือนนำท่านย้อนกลับสู่อดีตเมื่อสามร้อยกว่าปีที่แล้ว
นำท่านแวะช้อปปิ้ง
ร้านภาพขนนก หยี เหมา ฮั่ว
ซึ่งเป็นร้านเกี่ยวกับภาพประดิษฐ์ขนนกสีสันหลากหลาย
ที่ถูกตกแต่งจัดวางเป็นรูปต่างๆอย่างสวยงาม
และน่าทึ่ง
บริการอาหาร ณ ภัตตาคาร
พักที่เสิ่นหยาง
Traders Hotel
หรือเทียบเท่า
|
|
วันสุดท้าย
เสิ่นหยาง-ลานสกีฉีผันซาน-ถนนเกาหลี-ศูนย์กีฬาโอลิมปิก2008-ถนนซั่งเยี่ยเจีย-กรุงเทพฯ
|
เช้า
เที่ยง
ค่ำ
........น.
........น.
|
บริการอาหาร ณ
ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางไปชมงานแกะสลักหิมะน้ำแข็งประจำปี
2010
โลกแห่งความ
งามของภูเขาหิมะ
ฉีผันชานเสิ่นหยาง
ชมการแกะสลักหิมะจากอาจารย์ฝีมือ
ดีร่วมกับช่างเทคนิคจีนในงานเทศกาลแกะสลักหิมะที่ใหญ่ที่สุดในโลก
และที่ใกล้กันในสนามสกีมีพื้นที่สำหรับโชว์
การเล่นสกีแบบฟรีสไตล์พื้นที่เล่นสกี
สำหรับประชาชนทั่วไป
สำหรับมืออาชีพจะเล่นบนภูเขาหิมะ
สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้
20,000
คนต่อวัน
มีผู้ฝึกสอนคอยแนะนำวิธีการเล่นสกีแก่ท่าน
จึงเป็นความสนุกที่แสนประทับใจ
(ค่าครูผู้ฝึกสอนและค่าอุปกรณ์การเล่นสกีไม่รวมในโปรแกรม)
(ฟรี
!!
เล่นห่วงยางสไลด์เดอร์ ท่านละ
1
เที่ยว)
บริการอาหาร ณ
ภัตตาคาร
จากนั้นให้ท่านอิสระช้อปปิ้งที่
ถนนเกาหลี
แหล่งช้อปปิ้งสินค้าแนวเกาหลี สุดอินเทรนด์
มีสินค้าให้ท่านเลือกซื้อมากมายสไตล์เกาหลี จากนั้นนำท่าน
ผ่านชมศูนย์กีฬาโอลิมปิก2008
ประกอบด้วยสนามกีฬาหลัก
ที่เคยจัดรายการแข่งขันฟุตบอลบางรอบของงานกีฬาโอลิมปิคปี
2008 มองดูจากจุดยืนที่ห่างไกลแล้ว
รูปร่างของสนามกีฬาหลักเหมือนกับมงกุฎแก้วผลึกในมือของเทพธิดาแห่งชัยชนะ
ส่วนหอกีฬาในร่มสองแห่งที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกและทิศตะวันออกดูเหมือนกับปีกทั้งสองข้างของเทพธิดาแห่งชัยชนะนั้น
ชาวเมืองเสิ่นหยางตั้งชื่อให้กับศูนย์กีฬาโอลิมปิกว่าเป็นสนามกีฬา
"มงกุฎแก้วผลึก"
แล้วนำท่านช้อปปิ้งที่ย่านขึ้นชื่อของเมืองเสิ่นหยาง ที่ถนนซั่งเยี่ยเจีย
พบกับสินค้ามากมายหลากหลายให้ท่านช้อปปิ้งติดไม้ติดมือกลับบ้านก่อนกลับกรุงเทพฯ
บริการอาหาร ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางสู่ท่าอากาศยานเมืองเสิ่นหยาง
เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ
เวลาโดยประมาณ ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยเที่ยวบิน
CZ
******
เที่ยวบินที่
******
เวลาโดยประมาณ ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
โดยสวัสดิภาพ
..
|
|
|