ทัวร์แอฟริกาใต้ South Africa
ท่องเที่ยวแอฟริกาใต้ ไฮไลท์ของการท่องเที่ยวแอฟริกาใต้ คือ การท่องเที่ยวแบบซาฟารี ชมสัตว์ป่าที่มีชีวิตอยู่อย่างอิสระเสรีตามธรรมชาติ ในป่าซึ่งเป็นป่าโปร่ง ป่าละเมาะ และทุ่งหญ้า สะวันนา จนถึงกึ่งทะเลทราย แอฟริกาใต้มีสัตว์ป่ากว่า 220 ชนิด ที่คอยดึงดูดนักท่องเที่ยวธรรมชาติ แรงเจอร์ (Ranger) หรือผู้พิทักษ์ป่า และนักตามรอย (Tracker) จะเป็นผู้ขับรถพาท่องเที่ยวชมสัตว์ป่าซาฟารี รถที่จัดพานั่งเที่ยวชมถ้าเป็นในอุทยานแห่งชาติ จะเป็นรถตู้ หรือรถจิ๊ปมีหลังคา แต่ถ้าเป็นเกมรีเสิร์ฟเอกชนที่ไม่ปล่อยเสือและสิงโตเดินเป็นอิสระ จะให้นักท่องเที่ยวนั่งรถเปิดประทุนควรออกชมสัตว์ตั้งแต่เช้ามืด ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เพราะเป็นเวลาที่สัตว์หากินกลางคืนยังคงเดินวนเวียน และหากินกลางวันเริ่มออกหากินเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวจะพบเห็นสัตว์ได้มากชนิดที่สุด ช่วงบ่ายถึงเย็น สัตว์หากินกลางคืนเริ่มตื่นนอน สัตว์หากินกลางวันจะมาชุมนุมตามบ่อน้ำ การดักเฝ้าดูใกล้ ๆ บ่อน้ำนักท่องเที่ยวจะได้เห็นสัตว์หลายชนิดรวมทั้งอาจได้ภาพของฝูงเสือ และสิงโต ในเวลากลางวันอากาศจะร้อนจัด สัตว์ส่วนใหญ่จะหลบร้อนในที่ร่ม สิงโตและ เสือชีต้า จะนอนอยู่ใต้ต้นไม้ในพงหญ้า ส่วนเสือดาวจะนอนอยู่บนคาคบไม้ ตอนกลางคืนสัตว์ประเภทล่าเนื้อจะออกหากิน การออกไปส่องชมสัตว์นักท่องเที่ยวอาจจะได้เห็นการล่าเหยื่อ สัตว์ใหญ่ 5 ชนิด แห่งป่าซาฟารี หรือThe Big Five คือ ช้าง แรด ควายป่า เสือดาว และสิงโต ถ้าได้เห็นครบถือเป็นการได้ชมสัตว์ที่สมบูรณ์ที่สุด
ซาฟารี (Safaris) โดยแท้จริงแล้วเป็นคำที่มาจากภาษาสวาฮิลี (Swahili) ภาษาประจำชาติของเคนย่า และแทนซาเนียและเป็นภาษาที่พูดกันแพร่หลายในประเทศชายฝั่งแอฟริกาตะวันออกซาฟารีหมายถึง การเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นเดินทางท่องเที่ยวหรือเดินทางสำรวจ
แต่สำหรับความเข้าใจของคนทั่วไปในปัจจุบัน ซาฟารีมี ความหมายเฉพาะเจาะจงถึง การเดินทางเพื่อเฝ้าดูสัตว์ป่าในแอฟริกา โดยมีภาพของหมวกปีกกว้าง กล้องส่องทางไกล กางเกงขาสั้น และเสื้อเชิ๊ตสีกากีที่มีกระเป๋าสองข้างเป็นสัญลักษณ์ของการไปซาฟารี
ฟาร์มนกกระจอกเทศ WESTCOAST OSTRICH RANCH เป็นที่เพาะเลี้ยงนกกระจอกเทศ นักท่องเที่ยวจะได้เห็นนกกระจอกเทศ ให้นักท่องเที่ยวได้รับฝังและไกล้ชิดวงจรชีวิตของนกกระจอกเทศ ซึ่งเป็นนกที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลก บางตัวสูงถึง9 ฟุต วิ่งเร็วได้ถึง 60 ไมค์ต่อชั่วโมง นกพวกนี้มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแอฟริกา ตัวผู้มีขนสีดำ ตัวเมียจะมีขนสีเทา ฟาร์มนกกระจอกเทศ เป็นธุรกิจอุตสาหกรรมที่ทำรายได้ เนื้อทำสเต็กชั้นดี รสชาติ คล้ายเนื้อวัวแต่อร่อยและหวานกว่า ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้ทานกันอย่างจุใจ ขนนกใช้ทำเครื่องประดับ ส่วนหนังทำรองเท้า กระเป๋า และของที่ระลึกอื่น ๆ เปลือกไข่สามารถนำมา วาดรูป ระบายสี ลวดลายสวยงามได้ ธุรกิจฟาร์มนกกระจอกเทศเคยเจริญรุ่งเรืองมากในต้นศตวรรษที่ 19 ประมาณ ค.ศ. 1910 ในยุคนั้นทั่วโลกนิยมขนนกกระจอกเทศนำมาทำเครื่องประดับและของใช้สตรี นกกระจอกเทศตัวเมียจะออกไข่เมื่อมีอายุได้ 3 ปีขึ้นไป และสามารถออกไข่ได้มากสุดถึง 85 ฟอง ใช้เวลาฟักประมาณ 45 วันไข่ใบหนึ่งนำมาทอดเป็นไข่เจียวให้คนกินได้ถึง 20 คน |