วันแรก กรุงเทพฯ
สนามบินนานาชาติกรุงปักกิ่ง หอฟ้าเทียนถาน (หอบวงสรวงเทวดา)
BEIJING ACOBATICs SHOW (กายกรรมปักกิ่ง)
05.00 น.
คณะเดินทางพร้อมกันที่ท่าอากาศยานแห่งชาติสุวรรณภูมิ
อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 เคาน์เตอร์ S
สายการบินศรีลังกา แอร์ไลน์
พบเจ้าหน้าที่คอยให้การต้อนรับท่านที่หน้าเคาน์เตอร์เช็คอิน
07.35 น. เหินฟ้าสู่เมืองปักกิ่ง โดยสายการบินศรีลังกา
แอร์ไลน์ เที่ยวบิน UL888 (บริการอาหารบนเครื่อง)
13.20 น. เดินทางถึงสนามบินนานาชาติกรุงปักกิ่ง
เมืองประวัติศาสตร์เก่าแก่
เดิมทีปักกิ่งเคยเป็นเมืองสำคัญทางการค้าของอาณาจักรเยี่ยนเมื่อ
500 ปีก่อนคริสตกาล
หลังการปฏิวัติล้มล้างระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช
และการสู้รบกลางเมือง ค.ศ 1949
พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ชัยชนะ
จึงประกาศตั้งรัฐบาลและกรุงปักกิ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศนับแต่นั้นมา
จากนั้นนำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและสัมภาระแล้วนำท่านเดินทางผ่านสู่ตัวเมืองปักกิ่งปัจจุบันเมืองปักกิ่งได้เปลี่ยนแปลงพัฒนาได้อย่างรวดเร็วเพื่อต้อนรับโอลิมปิค
2008
สัมผัสกลิ่นไอหลังโอลิมปิคท่านจะได้เห็นตึกสูงรูปร่างแปลกตา
อาทิเช่น ตึกมังกร ตึก CCTV ฯลฯ
เพื่ออวดแก่สายตานักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ
บ่งบอกถึงความทันสมัยของเมืองหลวงปักกิ่งยุคใหม่ได้อย่างน่าชื่นชม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หอบวงสรวงเทวดาฟ้าเทียนถาน
ตั้งอยู่ใจกลางเมืองปักกิ่งเยื้องตะวันออกเฉียงใต้
สร้างเมื่อปี ค.ศ.1420
เป็นสถานที่ประกอบพิธีบวงสรวงไหว้ฟ้าเพื่อขอให้ลมฝนราบรื่น
ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ในสมัยราชวงศ์หมิงและชิง
กำแพงด้านเหนือลักษณะกลม ด้านใต้ลักษณะสี่เหลี่ยม หมายถึง
ฟ้ากลม พื้นดินสี่เหลี่ยม ตามความเข้าใจของคนโบราณ ภาย
ในประกอบด้วย หวานชิว-แท่นประกอบพิธีบวงสรวง, หวางฉุงหยี่-
สถานที่ตั้งป้ายเทพเจ้า หิน 3 เสียง
และกำแพงส่งเสียงสะท้อนเสียง (โทรศัพท์), ฉีเหนี่ยนเตี้ยน-หอประกอบพิธีบวงสรวงไหว้ฟ้า
สิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 ตั้งอยู่บนเส้นแกนเดียวกัน
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร ***
จากนั้นนำท่านชมกายกรรมปักกิ่ง
สุดหรรษา ที่มีชื่อเสียงบันลือโลกและงดงามเป็นอันดับ 1
ในกรุงปักกิ่ง
พักที่ BEIJING SUNSHINE HOTEL หรือระดับเดียวกัน
วันที่สอง จัตุรัสเทียนอันเหมิน พระราชวังกู้กง
พระราชวังฤดูร้อน (อวี้เหอหยวน)
เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
นำท่านชมตัวเมืองปักกิ่ง
แม้ไม่ได้เข้าชมมหกรรมการแข่งขันกีฬาที่ยิ่งใหญ่
แต่ก็ได้มีโอกาสสัมผัสกลิ่นอายมหานครปักกิ่งช่วงเวลาที่ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์โลก
ถนนหนทางในปักกิ่งประดับไปด้วยดอกไม้หลากสีสัน
และธงทิวต้อนรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคทั่วทั้งเมือง
จัตุรัสต่างๆ ประดับตกแต่งดอกไม้สีสันสวยงาม นำท่านผ่านชม
สถาปัตยกรรมแห่งที่อยู่อาศัยสมัยใหม่ ตึก MOMA Linked
Hybid สถาปัตยกรรมที่อยู่อาศัยสมัยใหม่ เป็นที่ตั้งของบ้าน
2,500 หลัง อพาร์ทเม้นท์ 700 ห้อง บนเนื้อที่ขนาด 1.6
ล้านตารางฟุต
ถือเป็นตึกใหญ่สุดในโลกที่มีใช้ระบบชีวภาพในการทำความเย็นและให้ความอุ่น
เพื่อรักษาอากาศทั้ง 8 ตึกให้คงที่ ในชั้นที่ 20
สร้างเป็นวงแหวน ' บริการ' ที่เชื่อมต่อกันทุกตึก
ครบครันด้วยบริการต่างๆ ทั้งซักผ้ายันร้านกาแฟ Steven Holl
และ Li Hu ยังออกแบบให้ ฝั่งท่อน้ำสองสายลึกลงไปใต้ดิน 100
เมตร สำหรับให้น้ำไหลเวียน
ซึ่งเปรียบเสมือนเครื่องกระจายความร้อน
และเครื่องทำความเย็นขนาดใหญ่
ที่ไม่ต้องพึ่งพาไฟฟ้าทำน้ำเดือดหรือแอร์ทำความเย็น
ขณะเดียวกัน ยังมีระบบบำบัดน้ำเสีย
ที่จะรวบรวมน้ำจากห้องครัวและอ่างน้ำทั่วอาคาร
มาหมุนเวียนใช้ใหม่ในห้องน้ำ จากนั้นนำ ท่านสู่
จัตุรัสเทียนอันเหมิน
ตั้งอยู่ใจกลางเมืองปักกิ่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก
สามารถจุคนได้ถึง 2 ล้านคน
เป็นสัญลักษณ์ของประเทศจีนยุคใหม่
เป็นสถานที่จัดงานพิธีเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสพิเศษต่างๆ
บริเวณจัตุรัสมีประตูเมืองโบราณเจิ้งหยาง, อนุสาวรีย์วีรชน,
หอระลึกประธานเหมาเจอตุง , ศาลาประชาคม
จากจุดนี้ท่านจะได้มองเห็นจุดสำคัญของจัตุรัสแห่งนี้คือ
พลับพลาเทียนอันเหมิน
ผนังสองข้างมีเขียนภาษาจีนแปลเป็นไทยคำว่า ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนจงเจริญ
ด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่ง ความสามัคคีประชาชนทั่วโลกจงเจริญ
ตรงกลางเป็นรูปท่านประทานเหมาเจ๋อตุงติดอยู่ตรงกลางขนาดใหญ่
สถานที่แห่งนี้เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ประเทศจีนก็ว่าได้
จากนั้นนำท่านผ่านประตูเข้าสู่ พระราชวังต้องห้าม กู้กง
สร้างในสมัยจักรพรรดิหย่งเล่อในสมัยราชวงศ์หมิง เมื่อปี
ค.ศ. 1406 เป็นสถานที่ว่าราชการ และที่ประทับของจักรพรรดิ
24 พระองค์ ในสมัยราชวงศ์หมิง และชิง
มีการบูรณะซ่อมแซมไปหลายครั้ง ครั้งล่าสุดปี 2008
แต่ยังคงสถาปัตยกรรมเดิม มีความสมบูรณ์แบบที่สุด
ใหญ่ที่สุด รักษาได้ดีที่สุด
และรวมทั้งยังมีประวัติที่ยาวนานที่สุดในโลก
นำท่านเดินชมโบราณสถานและสิ่งก่อสร้างที่คงคุณค่าทางปร ะวัติศาสตร์ที่สร้างขึ้นบนพื้นที่
720,000 ตารางเมตร ภายในพระราชวังแบ่งเป็น 2 เขต 1.
เขตวังใน ซึ่งเป็นเขตหวงห้ามให้ผู้ชายเข้า
ยกเว้นขันทีเท่านั้น 2. เขตวังหน้า มี 3 ตำหนัก 1.
ตำหนักไท่เหอ เป็นตำหนักหน้าที่สำคัญที่สุด
เป็นสถานที่ฮ่องเต้ออกว่าราชกาลแผ่นดิน 2. ตำหนักจงเหอ
เป็นสถานที่พักรอก่อนออกว่าราชกาลแผ่นดิน 3. ตำหนักเป่าเหอ
เป็นตำหนักสอบจอหงวน และเลี้ยงรับรองแขกบ้านแขกเมือง
ผ่านเข้าไปถึงเขตพระราชวังชันใน หรือเขตหวงห้าม ประกอบด้วย
จุดสำคัญคือ พระตำหนักพระนางซูสีไทเฮา
สถานที่ว่าราชการหลังม่าน อุทยานหลวงอวี้เหอหยวน
ภายในพระราชวังนี้อาคารทั้งหมดสร้างด้วยเครื่องไม้ที่ประกอบด้วยห้องหับต่างๆ
ถึง 9,999 ห้อง
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร **อาหารพิเศษ
หมูหันตำรับฮ่องกง**
นำท่านเที่ยวชม พระราชวังฤดูร้อนอวี้เหอหยวน
อุทยานที่ใหญ่และงดงามที่สุดของประเทศจีน สร้างขึ้นประมาณ
800 กว่าปีก่อน
ในสมัยโบราณกษัตริย์ราชวงศ์ชิงใช้แปลราชฐานหนีความร้อนจากพระราชวังหลวงมาประทับที่แห่งนี้
นำท่านชมที่ประทับของพระนางซูสีไทเฮา และจักรพรรดิกวางสู
นำท่านชมทะเลสาบคุนหมิงที่ขุดขึ้นด้วยแรงงานคนล้วนจำลองมาจากทะเลสาบซีหูที่หางโจว
เดินชม ระเบียงกตัญญู
บนหลังคามีภาพจิตกรรมเกี่ยวกับเทพนิยายของจีนหลายเรื่องมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์
วรรณคดี ความยาวระเบียงรวม 777 เมตร
เดินถัดมาไม่ไกลท่านจะได้เห็น เรือหินอ่อน
มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า เรือของคนโง่ พระนางซูสีไทเฮา
เป็นผู้เนรมิตสิ่งก่อสร้างเหล่านี้ทั้งหมด
และทั้งหมดนี้สร้างขึ้นโดยใช้เงินหลวงทั้งสิ้น
สถานที่แห่งบอกเล่าถึงความเป็นมาของซูสีไทเฮาได้อย่างลึกซึ้ง
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร
พักที่ BEIJING SUNSHINE HOTEL หรือระดับเดียวกัน
วันที่สาม กำแพงเมืองจีน พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งสนามกีฬาโอลิมปิค
2008 - ศูนย์การค้าหวังฟูจิ่ง
เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
นำท่านเดินทางสู่กำแพงเมืองจีน
สิ่งมหัศจรรย์หนึ่งในเจ็ดของโลกในยุคกลาง ที่สร้างขึ้นด้วย
แรงงานของคนนับหมื่นคน มีความยาว 6,350 กิโลเมตร
ก่อสร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อประมาณกว่า 2,000 ปีก่อน
โดยจักรพรรดิ์จิ๋นซี
ผู้รวบรวมประเทศจีนให้เป็นปึกแผ่นตัวกำแพงสูงราว 7 เมตร
กว้าง 6 เมตร
ว่ากันว่าถ้านำวัสดุที่ใช้ก่อสร้างกำแพงแห่งนี้มาสร้างกำแพงที่มีความหนา
1 เมตร สูง 5 เมตร จะได้กำแพงที่มีความยาวรอบโลก
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร ***ลองลิ้มชิมรสสุกี้มองโกเลีย+พร้อมน้ำจิ้มไทยรสเด็ด
นำท่านเดินทางไปชม พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งประวัติศาสตร์
ซึ่งเป็นฉากประวัติศาสน์รวบรวมเรื่องราวระยะเวลา 276 ปี
ตั้งแต่สมัยเริ่มต้นฮ่องเต้ในสมัยราชวงศ์หมิง
จนถึงสิ้นสุดราชศ์ชิง
รวมถึงผู้ที่มีความสำคัญที่ทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆขึ้น
เล่าเรื่องโดยใช้หุ่นขี้ผึ้งขนาดเท่าตัวคนจริงที่แสดงไว้ในห้องทั้งหมดจากนั้นนำท่านชม
(ด้านนอก) สนามกีฬาโอลิมปิคแห่งชาติ 2008 (Olympic
National Stadium) หรือ รังนก (Bird Net)
เป็นอีกชื่อหนึ่งที่รู้จักกันดี ตั้งอยู่ใจกลาง โอลิมปิค
คอมเพล็กซ์ ในกรุงปักกิ่ง ซึ่งจะเป็นที่จัดพิธีเปิดและปิด
บริษัทสถาปนิกที่ชนะการออกแบบ คือ Herzog & de Meuron
ร่วมกับ Arup Sport และ China Architecture Design &
Research Group จุผู้ชมในช่วงแข่งขันโอลิมปิคได้ 100,000
คน มีความยาว 330 เมตร กว้าง 220 เมตร และสูง 69.2 เมตร
รวมพื้นที่ทั้งหมด 250,000 ตารางเมตร
โครงสร้างหลักทำด้วยเหล็กความยาวรวม 36 กิโลเมตรสานเป็นใย
และกระจก ส่วนของหลังคากันน้ำฝนเพื่อนำไปใช้ใหม่ได้
และยังกันแสงแดดผ่านลงมาได้ถึง 50% ลักษณะเปิดปิดได้
พื้นที่ภายใน นอกจาก ล็อบบี้ ร้านอาหาร และร้านค้าทั่วไป
ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ผู้เข้าชมสามารถเดินเล่นได้เหมือนเด ินอยู่ในรังนกแล้ว
ยังติดตั้งจอแอลจีซีขนาดใหญ่
พร้อมทั้งระบบดิจิตอลที่ทันสมัย
สนามกีฬาโอลิมปิคแห่งชาตินี้ เริ่มก่อสร้างเมื่อ ธันวาคม
2546 กำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2550 มูลค่าการก่อสร้างรวม
3,500 ล้านหยวน ใกล้เคียงกันให้ท่านชม สระว่ายน้ำแห่งชาติ
(GYMNASIUM ฟองน้ำ) ซึ่งสระว่ายน้ำแห่งชาตินี้
สร้างขึ้นสำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2008
โดยมีรูปลักษณ์เหนือจินตนาการคล้าย "
ก้อนน้ำสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ " ซึ่ง PTW and Ove Arup
ออกแบบโดยใช้วัสดุเทฟลอนทำเป็นโครงร่าง
เน้นใช้พลังงานแสงอาทิตย์
โดยจะนำมาใช้เดินเครื่องกรองน้ำเสียของสระน้ำที่ใช้เติมในสระจะถูกกักเก็บไว้ในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่ฝั่งไว้ใต้ดิน
นอกจากนั้น เพื่อให้ดูเหมือนน้ำที่สุด
สถาปนิกยังใช้เทคโนโลยีจากงานวิจัยของนักฟิสิกส์จาก
Dublin's Trinity College
ที่สามารถทำให้กำแพงอาคารดูเหมือนฟองน้ำที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
ซึ่งนอกจากจะทำสระว่ายน้ำแห่งแดนมังกรนี้ดูดีเป็นเอกลักษณ์แล้ว
ยังสามารถต้านทานกับแรงสั่นสะเทือนอันเกิดจากแผ่นดินไหวได้ด้วย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านสู่ ศูนย์การค้าหวังฟู่จิ่ง (Wangfujing)
ซึ่งเป็นที่ช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในเมืองปักกิ่ง
เป็นถนนเส้นยาวๆ สำหรับคนเดินห้ามรถทุกชนิดวิ่งผ่าน
มีห้างสรรพสินค้า พลาซ่า
และร้านค้าน้อยใหญ่เรียงรายสองข้างถนน รวมทั้งร้านอาหาร
ร้านกาแฟ และร้านหนังสือ ครบครัน
พาท่านจับจ่ายกันอย่างเพลิดเพลินอย่างยิ่ง
ส่วนใหญ่เป็นร้านค้าแบรนด์เนมราคาตายตัวต่อรองไม่ได้
และยังมีร้านกิ๊ฟช้อป ราคาย่อมเยาให้เลือกซื้อ นอกจากนี้
บริเวณใกล้เคียงยังมีถนนอาหารนานาชาติ
ซึ่งน่าชมแต่เป็นสัตว์แปลกๆ ที่ไม่ถูกปากคนไทยเท่าไหร่
ให้ท่านได้อิสระถ่ายรูป ช้อปปิ้ง ชมวิว ตามอัธยาศัย
พักที่ BEIJING SUNSHINE HOTEL หรือระดับเดียวกัน
วันที่สี่ วัดหลิงกวง (นมัสการพระเขี้ยวแก้ว)
วัดลามะ โรงละครแห่งชาติ (ตึกไข่)
ถนนโบราณเฉียนเหมินต้าเจียอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติ+โชว์มองโกเลีย
เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
จากนั้นนำท่านสู่ วัดหลิงกวง
พุทธศาสนิกชนทั่วไปมีความเชื่อและรับรู้กันสืบมาว่า
มีพระทาฐธาตุ คือ
พระเขี้ยวแก้วประดิษฐานอยู่ในพระวิหารเมืองอนุราธปุระ
ปัจจุบันตั้งอยู่ในเมืองแคนดี
ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา พระทาฐธาตุ
หรือ พระเขี้ยวแก้วที่ลังกานี้ ตามตำราว่า
พระเจ้าสิริเมฆวัณณะอัญเชิญมาจากกลิงครัฐรักษาไว้ที่อภัยคีรีวิหาร
โปรดให้นำพระธาตุแห่ด้วยขบวนแห่อันมโหฬารในวันอาสาฬบูชาให้ประชาชนได้นมัสการเป็นประจำทุกปีเป็นประเพณีสืบมาจนทุกวันนี้
หากพิจารณาตามความที่กล่าวถึงพระเขี้ยวแก้ว 4 องค์
ในมหาปรินิพพานสูตรพระเขี้ยวแก้วที่ลังกาน่าจะตรงกับที่ประดิษฐาน
ณ แคว้นกาลิงคะ
ส่วนพระเขี้ยวแก้วที่วัดหลิงกวงสาธารณรัฐประชาชนจีน
ตามประวัติว่าพระภิกษุฟาเหียนอัญเชิญมาจากแค่นโคถาน
หรือโขตานมาประดิษฐานไว้ที่เมืองฉางอันเมื่อคราวจาริกไปสืบพระศาสนายังอินเดียและไปถึงเมืองลังกาด้วย
โดยออกเดินทางจากเมืองฉางอัน หรือ ซีอาน เมื่อ พ.ศ. 942
และกลับถึงประเทศจีนใน พ.ศ. 957 ปรากฏความต่อว่า
หลังจากพระเขี้ยวแก้วประดิษฐาน ณ
เมืองฉางอันแล้วภายหลังได้รับการอัญเชิญไปไว้ในนครต่าง ๆ
จนถึง พ.ศ. 1614 จึงนำมาไว้ ณ พระเจดีย์ฉาวเสี้ยน
ภายหลังพุทธศ าสนิกชนได้สร้างวัดหลิงกวงขึ้น
พร้อมกับสร้างพระเจดีย์ 8
เหลี่ยมขนาดใหญ่รายล้อมด้วยพระพุทธรูปและเจดีย์รายชาวบ้านทั่วไปจึงเรียกว่า
เจดีย์พระพุทธองค์ 100 รูป ใน พ.ศ. 2443 วัดหลิงกวง
ชำรุดทำลายลงเมื่อกองทัพชาติตะวันตกยกกำลังเข้าบุกรุกกรุงปักกิ่ง
ท่ามกลางซากปรักหักพังพบพระเขี้ยวแก้วบรรจุในกล่องศิลามีจารึกวัน
เดือน
ปีที่สร้างเจดีย์อยู่ภายในกล่องไม้กฤษณาอีกชั้นหนึ่งได้เก็บรักษาไว้จนถึง
พ.ศ. 2498 จึงนำไปไว้ ณ วัดกวงจี่ชั่วคราว
เมื่อทางการได้สถาปนาพระเจดีย์องค์ใหม่ ณ
วัดหลิงกวงแล้วเสร็จ
จึงมีพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุพระเขี้ยวแก้วในพระมหาเจดีย์
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2507
ซึ่งในครั้งนี้มีผู้แทนจากบรรดาประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนามาร่วมงานด้วย
พระมหาเจดีย์ที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว ณ วัดหลิงกวง
กรุงปักกิ่ง
มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมผสมผสานของศิลปะสมัยราชวงศ์ถังและราชวงศ์ซ้องไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืนสวยงาม
คือ สร้างเป็นพระเจดีย์ทรง 8 เหลี่ยม 13 ชั้น สูง 51 เมตร
สมาคมพุทธศาสนาแห่งประเทศจีนได้อำนวยการสร้างมาแต่ พ.ศ.
2501 แล้วเสร็จในฤดูใบไม้ผลิของปี 2507
ใช้เวลาสร้างนานกว่า 6 ปี
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร ***ลองลิ้มชิมรสเป็ดปักกิ่งต้นตำรับ
และชิมไวน์แดงของปักกิ่ง***
นำท่านชม วัดลามะ
วัดใหญ่ที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงในกรุงปักกิ่ง
แต่เดิมวัดนี้เคยเป็นวังที่ประทับขององค์ชายสี่
นำท่านชมพระแกะสลักจากไม้จันทร์องค์ใหญ่ที่สุดในโลก
ที่ถูกบันทึกไว้ในกินเนสบุ๊ค นำท่านชม โรงละครแห่งชาติ (ด้านนอก)
ซึ่งตั้งอยู่กลางกรุงปักกิ่ง ใกล้กับจัตุรัสเทียนอันเหมิน
มีเนื้อที่ 490,485 ตารางฟุต
โครงสร้างภายนอกประกอบขึ้นจากกระจกผสมไทเทเนี่ยม
ดูคล้ายกับทะเลสาบ
ซึ่งผู้ออกแบบจงใจให้สถาปัตยกรรมดูโดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางถนนและตึกรามแบบโบราณสำหรับผู้ออกแบบคือสถาปนิกชาวฝรั่งเศสชื่อดัง
พอล อังโดรที่มีผลงานออกแบบที่มีชื่อเสียง เช่น อาคาร 1
ของสนามบินชารลส์ เดอ โกลโรงละครแห่งชาติ
แห่งนี้แบ่งพื้นที่เป็น ในโรงโอเปร่า 2,416 ที่นั่ง
คอนเสิร์ตฮอล 2,017 ที่นั่งและโรงภาพยนตร์ 1,040 ที่นั่ง
พื้นผิวของผนังที่กึ่งโปร่งแสงจะทำให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาในตอนกลางคืนจะมองเห็นการแสดงด้านในวับๆ
แวบๆซึ่งเป็นลักษณะเด่น จากนั้นนำท่านเที่ยวชม
ถนนโบราณเฉียนเหมิน (Qianmen Street)
สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ล่าสุดของปักกิ่ง
เปิดให้เที่ยวชมเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2551
เพื่อรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่เข้าร่วมพิธีแข่งขันกีฬาโอลิมปิก
2008 หล ังจากรัฐบาลปักกิ่งได้ปิดปรับปรุงบูรณะ
และก่อสร้างสถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือนในยุคสมัยราชวงศ์ชิง
ราชวงศ์สุดท้ายก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
โดยจำลองบรรยากาศเก่าๆ สมัยราชวงศ์ชิง บริเวณสองฝั่งถนน
มีทั้งภัตตาคาร
ร้านค้าจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองและสินค้าของที่ระลึกในรูปแบบของปักกิ่ง
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำที่ภัตตาคาร **อาหารบุฟเฟต์นานาชาติ+พร้อมโชว์มองโกเลีย
ณ BEIJING MONGOLIA INTERNATIONAL THEATER
รูปแบบโรงละครกึ่งภัตตาคารหรู ความจุ 300 ที่นั่ง
ให้ท่านได้เลือกชิมบุฟเฟ่ต์นานาชาติ หลากหลายเมนู เช่น
อาหารญี่ปุ่น ซาสึมิ ซูชิ ฯลฯ อาหารเกาหลี บูลโกกิ
บาบีคิวเกาหลี ฯลฯ หมูอบเยอรมัน สเต็กนิวซีแลนด์
อาหารจีนหลากเมนู อาหารทะเล และอาหารพื้นเมืองขึ้นชื่อ
เช่น แพะหัน และเนื้อแพะย่างเสียบไม้ (www.tala.com.cn)
พักที่ BEIJING SUNSHINE HOTEL หรือระดับเดียวกัน
วันที่ห้า ตลาดรัสเซีย กรุงเทพฯ
เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
จากนั้นนำท่านผ่านชม สถานีโทรทัศน์ส่วนกลางแห่งชาติ (CCTV)
มีรูปลักษณ์ที่แหวกแนวไปจากตึกระฟ้าทั่วไป
โดยเกิดจากสองอาคารที่ตั้งมุมฉากต่อเข้าหากัน
มองดูเหมือนอุโมงค์ขนาดใหญ่
ซึ่งช่วยกระจายแรงลมที่ปะทะกับตึกได้เป็นอย่างดี
ตึกใหม่นี้ออกแบบโดย Rem Koolhass และ Ole Scheeren
ส่วนวิศวกรผู้คุมงานก่อสร้างคือ Ove Arup
จากนั้นนำท่านไปช้อปปิ้งที่ ตลาดรัสเซีย
เพื่อเลือกซื้อสินค้าขายส่งราคาถูก เช่น ผ้าไหม ถุงเท้า
รองเท้า กระเป๋า นาฬิกา ไม้กอล์ฟ เป็นต้น
ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสินค้าก้อปปี้
คนไทยมักนิยมมาซื้อของต่อราคากันที่นี่
หรือให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย
จนได้เวลาอันควรเดินทางสู่สนามบิน
14.40 น. อำลานครหลวงปักกิ่ง เดินทางกลับกรุงเทพฯ
โดยเที่ยวบินที่ UL889 (บริการอาหารบนเครื่อง)
18.45 น. เดินทางกลับถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
โดยสวัสดิภาพฯ
|
|